BigBike Hitstory




 รถมอเตอร์ไซค์นั้นเป็นคนที่คิดว่าทุกคนน่าจะรู้จักและเคยใช้กันแล้วทุกคนแต่คุณรู้ไหมว่ารถมอเตอร์ไซค์หรือรถจักรยานยนต์ที่คนส่วนใหญ่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้นั้นมีตั้นกำเนิดมาจากที่ไหนอย่างไรวันนี้เรามีประวัติความเป็นมากของการก่อกำเนิดของรถมอเตอร์ไซค์มาให้ทุกคนได้อ่านเพื่อให้เข้าใจถึงความเป็นมาของรถมอเตอร์ไซค์ว่ามีต้นกำเนิดและมีการบวนการผลิดอย่างไรบ้างในยุคแรก


     รถมอเตอร์ไซค์คันแรกของโลกถือกำเนิดขึ้นมาในโลกแห่งวิศวกรรม มาเป็นเวลาเดียวกับรถยนต์ ที่ใช้พลังขับเคลื่อนแบบสันดาปภายในทั่วไปเพียงแต่ว่ารูปทรงในระยะแรกต้องอาศัยรถพ่วงเข้ามช่วยล้อที่ 3 เข้ามาช่วยบ้าง เพื่อการทรงตัวดีขึ้นโดยระยะแรก นั้น เจมส์ วัตต์ ได้สร้างเครื่องจักรไอน้ำขึ้นมา เป็นตัวต้นแบบทำให้มีกำลังขับเคลื่อน ซึ่งมีชิ้นส่วนขนาดค่อนข้างใหญ่  และมีน้ำหนักมากจนทำให้มีขีดจำกัดในการใช้งานของเครื่องยนต์ชนิดนี้  จึงถูกนำไปใช้ในยานพาหนะขนาดใหญ่เพื่อให้เกิดการสมดุลใน  น้ำหนักที่ค่อนข้างมากของตัวต้นกำลังเช่นรถจักรไอน้ำที่เราคุ้นตามาแต่ยุคบุกเบิก หรือเรือกลไฟที่เราเคยใช้งานเพื่อขนถ่ายสินค้า

        ในช่วงปลาย ค.ศ 1884 เป็นครั้งแรกที่มีการนำเสนอผลงาน “พิมพ์เขียว” แสดงให้เห็นถึงการทำงานของเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็กที่จะมีการพัฒนาสำหรับการนำมาติดตั้งในรถจักรยานยนต์เป็นครั้งแรก โดยทุนสนับสนุนของมหาเศรษฐีชาวอังกฤษชื่อ Edward Butler โดยได้สร้างเครื่องยนต์ ที่ใช้คาบูเรเตอร์เป็นตัวผสมอากาศเป็นครั้งแรกโดยใช้คอยล์จุดระเบิดเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการสันดาปภายในห้องเผาไหม้ในเวลาดังกล่าวนั้น เครื่องยนต์แบบ 4 จังหวะของ OTTO ซึ่งทำการวิจัยอยู่โดยทางประเทศเยอรมันนี ก็ตั้งความหวังในการสร้างรถจักรยานยนต์คันแรกด้วยทีมงานของ Gottlieb Daimler และ Karl Benz ซึ่งต่อมาทั้งคู่สามารถสร้างได้สำเร็จ แต่เสียดายที่รถต้นแบบถูกไฟไหม้ไปพร้อมๆ กับโรงงานในปี ค.ศ. 1903





        ในช่วงปีค.ศ.1892เฟลิกซ์ธีโอดอร์มิลเลอร์นักค้นคว้าชาวอังกฤษได้นำเอาเครื่องยนต์แบบ5สูบ (ในวงกาวิศวกรรมยานยนต์เรียกกันว่าสูบดาว) ส่งกำลังโดยตรงจากห้องข้อเหวี่ยงลงสู่ดุมของวงล้อโดยตรงโดยมิลเลอร์ตั้งชื่อรถของเขาว่าStellarซึ่งมีความหมายว่าดวงดาว ด้วยเหตุที่ว่าโรงงานอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศอังกฤษยุคบุกเบิกในปลายศตวรรษที่ 18 Mr. John Boyd Dunlop ซึ่งเป็นบุตรชายของบริษัทผู้ผลิตยางดันล็อปได้เข้ามามีบทบาทเสริมในด้านการผลิตยานยนต์ทำให้การวิจัยนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้นในประเทศอิตาลีMr.Enrico Bernardi ได้นำเอาเครื่องยนต์ตัดหญ้ามาเป็นตัวต้นกำลังขับ-ผลักดันให้รถจักรยานธรรมดา กลายเป็นรถมอเตอร์ไซค์ได้สำเร็จเป็นคนแรกของประเทศอิตาลีในช่วงปีค.ศ.1893 โดยเครื่องยนต์ชนิดนี้ ให้แรงม้าสุทธิเพียงครึ่งแรงม้า ที่รอบเครื่อง 280-500 รอบ/นาที
        เมื่อผ่านไปอีก 2 ปี การพัฒนาเครื่องยนต์ขนาดเล็ก เพื่อนำมาติดตั้งในพาหนะระดับย่อย ก็ได้สำเร็จขึ้น โดย Mr De Dion สามารถนำเอาเครื่องยนต์ แบบสูบเดี่ยว 4 จังหวะลงมาติดตั้งในรถ 3 ล้อขนาดเล็กได้สำเร็จโดยเครื่องยนต์ต้นแบบชุดนี้ ยังไม่มีคาบูเรเตอร์ แต่ใช้กรรมวิธีในการดึงเอาไอระเหยจากน้ำมันเบนซิน ป้อนเข้าไปในห้องเผาไหม้ในจังหวะดูด ส่วนผู้ที่สร้างระบบจุดระเบิดสำหรับใช้กระตุ้นจังหวะงานของหัวเทียน คือ Mr Robert Bosch ซึ่งต่อมาได้พัฒนาระบบไฟฟ้าทุกชนิดเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์จนกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของวงการรถยนต์และพาหนะเกือบทุกชนิดไปในปลายศตวรรษที่ 19 จนถึงยุคปัจจุบัน ส่วนรถจักรยานยนต์ที่ใช้วงล้อเดี่ยวและสามารถผลิตลงสู่ตลาดโลกได้สำเร็จ โดยได้ผลิตกันอยู่หลายประเทศ เช่น อังกฤษ เยอรมนี อิตาลี และฝรั่งเศษ ทางด้านประเทศเยอรมนี เป็นผลงานของเดมเลอร์ และเบนซ์ ก่อนที่จะยุบตัวลงในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 เนื่องจากต้องปรับผังของโรงงานให้เข้ากับสถานการจึงต้องเปลี่ยนแผนมาสร้างยุทธปัจจัยต่างๆ เพื่อสนับสนุนกองทัพ ส่วนทางด้านอังกฤษ มีผลงานเด่นของ “Raleigh” ที่เริ่มผลิตรถจักรยานขายเป็นอุตสาหกรรมมาก่อน แล้วจึงนำเครื่องยนต์มาติดตั้งเอาไว้ที่แผงคอหน้ารถจักรยานในปี ค.ศ. 1899 ด้วยรูปทรงที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบในยุคนั้น

        จากยุค 1900 มาจนถึง 2004 นับเป็นเวลากว่า 100 ปีเศษ ที่วงการอุตสาหกรรมยานยนต์ก้าวเดินต่อมาด้วยแนวความคิดอันหลากหลาย ของวิศวกรหลายชาติ และหลายประเทศ รวมมาถึงชนชาติญี่ปุ่นหนึ่งเดียวในเอเชียที่เริ่มก้าวเข้าสู่วงการผลิตรถลงสู่ตลาดโลกในช่วงหลังของปี ค.ศ. 1950 ชื่อของรถจากประเทศญี่ปุ่น ก็เริ่มดับรัศมี แนวความคิดเดิมๆ ของบริษัทยักษ์ใหญ่ของทวีปยุโรปลงอย่างสิ้นเชิงและแน่นอนว่าชื่อของ ฮอนด้า ยามาฮ่า ซูซูกิ และคาวาซากิ คือ 4 ในกระแสของความนิยมในระดับสูงสุดที่ยังเหลือผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ลงป้อนตลาดโลกอยู่เพียงไม่กี่แห่ง จากจำนวนเกือบ 100 ยี่ห้อที่มีการผลิตรถในยุคก่อน สงครามโลกครั้งที่สองจะสงบลง
รถจักรยานยนต์สมัยแรกๆ ที่เข้ามาในประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับบลิว ฮาร์เลย์ เดวิดสัน ไทรอัมพ์ จนกระทั่งเมื่อรถจักรยานยนต์จากญี่ปุ่น เริ่มเข้าตลาดเมืองไทยจนปัจจุบันนี้ เราจะเห็นแต่รถจักรยานยนต์จากประเทศญี่ปุ่นเป็นส่วนมาก ส่วนรถจักรยานยนต์จากประเทศยุโรป ก็ยังมีอยู่แต่มีราคาที่แพง กว่ามาก อะไหล่หายากจึงมีผู้สนใจเฉพาะผู้ที่รักรถจักรยานยนต์จากยุโรปจริงๆ และผู้ที่มีกำลังเงินในการซื้อเท่านั้นแต่ในปัจจุบันมีคู่แข่งหลากหลายบริษัททำให้ราคานั้นถูกลงมามากทำให้คนทั่วไปสามาถซื้อรถได้มากขึ้นโดยสามารถซื้อแบบผ่อนก็ได้และยังมีของสมนาคุณมากมายอีกด้วย



Bigbike คือคำที่ใช้เรียกรถมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดใหญ่กว่ารถมอเตอร์ไซค์ทั่วๆไปหรือที่เรียกกันจนติดปากว่า สี่สูบ ขนาดของมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดใหญ่ในที่นี้คือขนาดของเครื่องยนต์ เฟรม ล้อและยางของรถ รถที่เรียกว่าBigbikeจะมีความจุของเครื่องยนต์ตั้งแต่ 250 cc ขึ้นไปจนถึง 2400 cc ซึ่งในแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็จะมีรูปแบบของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่แตกต่างกันออกไปซึ่งจะมีตั้งแต่สูบเดี่ยว ถึง 6 สูบ และจัดวางอยู่ในรูปแบบของสูบเรียงและสูบV ในส่วนระบบส่งกำลังก็จะมีตั้งแต่ระบบที่ใช้โซ่ ใช้เพลาขับ และใช้สายพาน เป็นต้น




Naked Bike เป็นชื่อที่ใช้เรียกรถ Bigbike ที่มีรูปแบบเป็นรถเปลือยแฟริ่งในส่วนด้านหน้า จะมีแฟริ่งในส่วนด้านท้ายของรถเท่านั้น ข้อดีของรถประเภทนี้คือสามารถใช้ขับขี่ในเขตชุมชนที่มีการจราจรค่อนข้างหนาแน่นได้ง่ายและสามารถระบายความร้อนออกจากเครื่องยนต์ได้ดีกว่ารถ Bigbikeประเภทอื่นๆ และยังมีการออกแบบให้มีท่วงท่าในการขับขี่ที่ไม่ต้องก้มหรือโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อจับแฮนด์มากนัก โดยมีการออกแบบให้แฮนด์อยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างสูงและมีเบาะที่ต่ำกว่ารถ Sport Bike




Sport Bike คือรถBigbikeที่มีการออกแบบมาเพื่อใช้ในการแข่งขันทางเรียบเนื่องจากรถประเภทนี้จะมีสมรรถนะของเครื่องยนต์และช่วงล่างสูงมากกว่ารถBigbikeประเภทอื่นๆ ซึ่งรถประเภทนี้มีท่วงท่าในการขับขี่แบบกึ่งนั่งกึ่งหมอบเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและทรงตัวในการใช้ความเร็วสูงๆและควบคุมอาการของรถในการเข้าโค้งได้เต็มประสิทธิภาพ




Touring BikeคือรถBigbikeประเภทหนึ่งที่ออกแบบมาสำหรับใช้ในการเดินทางหรือท่องเที่ยวที่มีระยะทางไกลๆและใช้เวลาในการขับขี่ค่อนข้างนานโดยเฉพาะ ซึ่งรถประเภทนี้จะมีรูปทรงคล้ายกับรถ Sport Bike แต่จะมีตำแหน่งของแฮนด์ที่สูงกว่ารถSport Bike ท่าทางในการขับขี่จะคล้ายกับการขี่รถNaked Bike และรถ Touring Bikeนี้จะมีชิวล์ที่มีขนาดใหญ่เพื่อใช้บังลมและฝนที่จะเข้ามาปะทะผู้ขับขี่ในตอนที่ใช้ความเร็วสูงๆหรือขณะมีฝนตก




Chopper BikeคือรถBigbikeประเภทหนึ่ง เพราะเสียงของเครื่องยนต์ของรถประเภทนี้มีเสียงดังเป็นจังหวะๆ คล้ายเสียงของเฮลิคอปเตอร์นั่นเอง สาเหตุที่เสียงของรถ Chopper Bike มีเสียงดังเป็นจังหวะอย่างที่เคยได้ยินเพราะรถประเภทนี้มี 2สูบวางอยู่เป็นรูปตัว V และยังมีการจุดระเบิดพร้อมๆกัน จึงมีช่วงขอบเสียงเครื่องยนต์ดังเป็นจังหวะดังกล่าว รถประเภทนี้จะมีการออกแบบให้มีเบาะอยู่ต่ำกว่ารถ Bigbikeประเภทอื่น และมีตำแหน่งของแฮนด์ที่สูงอยู่ในระดับไหล่ผู้ขับขี่หรืออาจจะสูงกว่าแล้วแต่ผู้ขับขี่จะเลือกมาใส่

ขั้นตอนการประกอบรถ bigbike ในประเทศไทย

1.รถจากประเทศญี่ปุ่น หรือ สหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะถอดอะไหล่ เป็นชิ้นส่วน ส่งมาประเทศไทย
2.รถได้นำเข้ามาเป็นอะไหล่  1 คัน ประมาน 5-6 กล่อง โดย จะมีการเขียนหมายเลขไว้
3. ล้างเครื่อง เฟรม ส่วนต่างๆของรถให้สะอาด
4. เอาชุดสีไปส่งร้านทำสี โครมเหมี่ยม เปลี่ยนยางมือ1หน้า-หลัง เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องใส่กรอง น้ำมันเบคร ผ้าเบคร แบต
5.  ล้างเพื่อพร้อมประกอบชุดสี
6. ประกอบเป็นคัน นำไปลอง เบคร ศูนย์ ฯ ติดโลโก้ ล้าง
7. ส่งเข้าศูนย์หรือบริษัท

CR.https://sites.google.com/site/morningbigbikeshop/home/prawati-big-bike

2017 Ducati Supersport ใหม่ เวอร์ชั่นปกติ เริ่ม 4.87-5.45 แสนบาท :[Intermot2016]

หลังจากที่เรานำเสนอข่าว Ducati เตรียมพัฒนารถ Sport ใหม่ เพื่อทำตลาดในกลุ่ม Sport แบบ Everyday Use นั้น โดยคาดว่าจะใช้ชื่อ Supersport 939 นั้น ล่าสุดได้มีภาพหลุดมาก่อนเปิดตัวแล้วในชื่อDucati Supersport และ Ducati Supersport S








โดยภาพหลุดชุดนี้ ได้เผยให้เห็นรูปทรงที่แท้จริงของ Supersport และ Supersport S โดยยังคงรูปลักษณ์แบบ Panigale รุ่นพี่เอาไว้ แต่สวมแฮนด์แบบจับโช้คด้านบน เพื่อความสบายในการขี่
และการใช้เบาะแบบตอนเดียวในสไตล์ Monster










Ducati Supersport ใหม่ จะมากับ Single-Side Swingarm ตามเอกลักษณ์ของรถ Ducati ปั๊มน้ำมันเบรกลอย โช้คอัพจาก Marzocchi ในรุ่นปกติ










ในรุ่นท๊อป Ducati Supersport S ใช้โช้คหน้า Ohlins ปรับไฟฟ้า และเบาะท้ายที่ครอบตูดมดเอาไว้










ในส่วนของเครื่องยนต์ใช้บล๊อก L-Twin 937cc จาก Hyper 939 นั่นเอง มีแรงบิดสูงสุดตั้งแต่รอบต่ำ 71.3 ftlb @ 3000rpm และแรงม้าสูงสุดที่ 115 bhp@ 9000rpm










ตัวเบาะนั่งสูง 810 มม. โดยสามารถเพิ่มหรือลดลงได้อีก 20 มม. จากการเลือกเบาะแบบออปชั่นเสริม








ด้านสัดส่วน Ducati ตั้งเป้าขาย รุ่นปกติ 60% และรุ่น S 40%
ราคา Ducati Supersport £10,995 (4.87 แสนบาท) และ Supersport S £12,295 (5.45 แสนบาท)
ถ้าสีขาวด้านเพิ่มอีก £200 (8.8 พันบาท)

Cr : http://www.motorival.com/2017-ducati-supersport-launch-intermot2016/#prettyPhoto







Ducati XDiavel 2016 ส่วนผสมที่ลงตัวระหว่าง Sport และ Cruiser




สำหรับโฉมใหม่ของเจ้า Ducati Diavel ที่มีชื่อรุ่นอย่างเป็นทางการว่า X Diavel 2016 ที่ได้รับการออกแบบตัวรถมาใหม่เอี่ยมทั้งหมด รวมไปถึงคอนเซ็ปท์หลักของตัวรถด้วย และก็ได้ทำการเปิดตัวกันในทวีปยุโรปไปแล้ว ทางเราก็เลยอยากจะนำรายละเอียดคร่าวๆมาฝาก ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะมีอะไรน่าสนใจยังไงกันบ้าง อย่างแรกเลยที่เราอยากจะให้โฟกัสกันไปก็คือ จากเดิมที่รถ Diavel นั้นเป็นรถที่เน้นการเดินทางในแบบฉบับของครูเซอร์เป็นหลัก แต่ว่าเจ้า X Diavel 2016 คันนี้จะผสมผสานอารมณ์ของรถสปอร์ตลงไปด้วยอย่างชัดเจน จึงทำให้มันสามารถใช้งานได้ดีไม่ว่าจะเป็นการเดินทางออกทริป หรือว่าใช้งานในเมืองที่ต้องการความคล่องตัวตามแบบฉบับรถสปอร์ตก็ตาม (สังเกตได้ว่าตัว X ในชื่อรุ่นนั้นมาจากคำว่า Cross ที่บ่งชี้ถึงการใช้งานแบบเอนกประสงค์นั่นเอง)






ในขณะที่ขุมกำลังของตัวรถนั้นให้มาที่ 1,262 cc ขนาดช่วงชักและกระบอกสูบเท่ากับ 106 x 71,5 mm โดยแน่นอนว่าใช้สูบแบบ L-Twin (2 สูบ) 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ ตรงนี้จะเห็นได้ชัดเจนว่ามันยังคงเป็นรถที่มาพร้อมกับพลังอันมหาศาล และการวางสูบแบบ L-Twin นั้นยังช่วยให้อัตราเร่งมีความดุดันตั้งแต่ในรอบเครื่องยนต์ที่ไม่สูงมาก โดยอัตราส่วนกำลังอัดเท่ากับ 13:1 ให้แรงม้ามาสูงสุด 156 hp ที่ 9,500 รอบต่อนาที และทอร์คที่ 128.9 นิวตันเมตรที่เพียง 5,000 รอบต่อนาทีเท่านั้น ตรงนี้ทำให้การบิดในรอบต่ำนั้นหน้าหงายเอาง่ายๆ






ในระบบการจ่ายน้ำมันนั้นจ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด, คันเร่งนั้นเป็นไฟฟ้า ride-by-wire system ในขณะที่ท่อรถเป็นแบบสแตนเสลสตีลแบบท่อคู่ ตัวรถใช้ระบบเกียร์แบบ 6 สปีดด้วยกัน และขับเคลื่อนด้วยระบบสายพาน และโครงรถนั้นเป็นแบบ Tubular steel Trellis frame มาดูกันต่อที่ส่วนของระบบช่วงล่างกันบ้าง โช๊คอัพหน้านั้นเป็นแบบ USD ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 50 mm ในชณะที่ด้านหลังนั้นเป็นแบบ single shock absorber ที่สามารถปรับระยะยุบตัวหรือคืนตัวได้ ทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม ล้อเป็นแบบแม็กส์อัลลอยทั้งหน้าและหลัง โดยยางรถนั้นใช้บริการของ Pirelli Diablo Rosso II ในเรื่องของระบบความปลอดภัยนั้นด้านหน้าเป็นเบรกของ Brembo แบบเรเดียลเมาท์ 4 ลูกสูบ ดิสก์คู่ขนาด 320 mm ส่วนเบรกหลังเป็นดิสก์เดี่ยวขนาด 265 mm แบบคาลิปเปอร์อิสระ 2 ลูกสูบ โดยทำงานร่วมกับระบบ ABS ทั้งหน้าและหลัง และน้ำหนักตัวของรถนั้นค่อนข้างเยอะทีเดียว อยู่ที่ 220 กก. แต่ด้วยการดีไซน์ที่ตัวรถนั้นมีความสูงไม่มากนัก และช่วงฐานยาวออกไป ทำให้การคอนโทรลรถนั้นค่อนข้างจะง่ายทีเดียว และถังน้ำมันนั้นจุมาให้ที่ 18 ลิตร (อาจจะดูน้อยไปนิดสำหรับขาทัวร์ริ่ง เมื่อเทียบกับขนาด cc ของรถ)











Cr by http://www.greatbiker.com/ducati-xdiavel-2016


Ducati 959 Panigale


เราเริ่มกันที่ความเคลื่อนไหวและความน่าสนใจ หนึ่งในบิ๊กไบค์ที่ไม่น่าจะพลาดก็คือเจ้า Ducati 959 Panigale (ว่ากันว่าภาพที่เห็นกันอยู่นี้เป็นเวอร์ชั่นของยุโรปกับอเมริกา) หนึ่งในสายพันธุ์สปอร์ที่ในครั้งนี้ได้อัพเกรดรหัสตัวเองขึ้นมาอีกหนิดหน่อย  ซึ่งสำหรับเจ้ารหัส 959 รุ่นนี้ได้รับการถ่ายทอด DNA มาจากรุ่นใหญ่อย่างเจ้า Ducati 1299 Panigale  ซึ่งโดยภาพรวมแล้วมีการปรับปรุงในเรื่องของชิ้นส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ส่วนของช่องดักลมด้านหน้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม  แน่นอนว่าต้องช่วยในเรื่องของอากาศพลศาสตร์ระหว่างการขับขี่ได้เป็นอย่างดี  แฟร์ริ่งด้านหน้าที่ดูแล้วจะมีขนาดที่กว้างขึ้น  ถัดขึ้นไปที่ด้านบนเอง ก็จะเป็นในส่วนของชิลล์หน้าที่ดูจะมีตำแหน่งการขยับให้สูงขึ้นกว่าเดิมแต่มีการปรับลดขากระจกให้สั้นลง



ส่วนบั้นท้ายก็มีการดีไซน์ใหม่ และที่เห็นได้อย่างโดดเด่นชัดเจน ก็คงจะเป็นในส่วนของท่อไอเสียรูปทรงใหม่ ที่เปลี่ยนมาออกทางด้านข้างเป็นในรูปแบบของท่อคู่ด้านข้าง










แน่นอนว่าความสปอร์ตมันยังคงไม่จบเพียงเท่านี้เพราะสำหรับเจ้า Ducati 959 Panigale คันนี้มาพร้อมกับขุมพลังบล็อคเครื่องยนต์ 955 ซีซีที่ทางค่ายเองกระซิบมาว่า เจ้าตัวนี้มีพละกำลังความแรงมากกว่าเดิมถึง 6% โดยมันสามารถรีดพลังแรงม้าได้อยู่ที่ 157 แรงม้าที่ 10,500 รอบต่อนาที  พร้อมทอร์คที่จัดจ้านขึ้น ส่วนในเรื่องของความสูงตัวเบาะจะอยู่ที่ 830 มม. พร้อมความจุของตัวถังน้ำมันที่ 17 ลิตร






 เรียกว่าถ้าเปิดตัวเข้าสู่ตลาดในบ้านเราเมื่อไร งานนี้ไบค์เกอร์ที่เล็งๆ รุ่นนี้อยู่บอกเลยว่าไม่ควรพลาดกันเลยทีเดียว ส่วนในเรื่องของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ และเทคโนโลยีต่างๆ ที่ใส่เข้ามาไว้ในเจ้า Ducati 959 Panigale คันนี้ก็เรียกว่าจัดเต็มมาให้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นระบบโหมดการขับขี่ที่สามารถเลือกปรับกันได้ตามความเหมาะสมกับสภาพถนนหรือแม้แต่ตามความต้องการเร้าอารมรณ์ของผู้ขับขี่ ส่วนอุปกรณ์มาตรฐานก็ยังคงไม่ลืมหรือตัดทิ้งแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็น
  • ระบบ ABS แบบ Sport สำหรับป้องกันล้อล็อคตายขณะใช้เบรค
  • ระบบ DTC (Ducati Traction Control = การป้องกันกำลังขับส่วนเกินที่ทำให้ล้อหมุนฟรีจนเสียการควบคุมขณะใช้อัตราเร่ง)
  • ระบบ DQS (Ducati Quick-Shift = ระบบที่สนับสนุนการเปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องใช้คลัชต์เมื่ออัพเกียร์)
  • ระบบ EBC (Ducati’s new race-derived Engine Brake Control =ระบบควบคุมแรงเอ็นจิ้นเบรคสำหรับการแข่งขัน)
ละอื่นๆ อีกมากมาย สำหรับเวอร์ชั่นที่ไม่ใช่โซนยุโรปกับอเมริกาเห็นว่ากันว่าจะเป็นเวอร์ชั่นที่ท่อจะอยู่ในตำแหน่งด้านล่างเช่นเดิมซึ่งทางทีมงานของเราจะทำการสรุปและเจาะลึกในสกุ๊ปของ สเปครีวิวให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันโดยละเอียดอีกครั้งอย่างแน่นอน

















ข้อมูลสเปค Ducati 959 Panigale
ชนิดเครื่องยนต์Superquadro: L-Twin สูบ 4 วาล์วต่อสูบ Desmodromic ของเหลวระบายความร้อน
กำลัง955 ซีซี
กระบอกสูบ x จังหวะ100 x 60.8 มม
อัตราส่วนการอัด12.5: 1
แรงบิด107.4 นิวตันเมตร (79.2 ปอนด์ฟุต) @ 9,000 รอบต่อนาที
เกียร์ 6 เกียร์ (DQS)
ขับเครื่อนโซ่  เฟืองด้านหน้า 15  เฟืองหลัง 43
คลัตช์คลัทช์เปียก multiplate กับการควบคุมไฮโดรลิค
โครงอลูมิเนียม monocoque
ช่วงล่างด้านหน้าโช้ค Showa BPF 43 มม แกนโช้คโครเมี่ยม
ล้อหน้า10 ก้านอัลลอย 3.50 “x 17”
ยางล้อหน้าPirelli Diablo Rosso Corsa 120/70 ZR17
ช่วงล่างด้านหลังโช้คแมนแซคส์ปรับได้ สวิงอาร์มอลูมิเนียม
ล้อหลัง10 ซี่อัลลอย 5.50 “x 17”
ยางล้อหลังPirelli Diablo Rosso Corsa 180/60 ZR17
เบรคหน้า2 x 320 มมกึ่งลอยแผ่นติดเรดิ Brembo MonoBloc M4.32 คาลิปเปอร์ 4 ลูกสูบกับ Bosch ABS
เบรคหลัง245 มิลลิเมตรดิสก์ 2 ลูกสูบ calliper กับ Bosch ABS
Instrumentation (แผงควบคุม)จอแสดงผล LCD แบบเต็ม
น้ำหนักรถ176 กก. (387.2 ปอนด์)
น้ำหนักรวม200 กิโลกรัม (440 ปอนด์)
ความสูงของที่นั่ง830 มิลลิเมตร
ฐานล้อ1,431 มิลลิเมตร
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง17 L – 4.5 แกลลอน (US)



ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูล Cr: http://www.motorival.com/ducati-959-panigale/
                                                     http://www.greatbiker.com/ducati-959-panigale/